วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2558

ประโยคที่มักใช้ในการทำงาน

สวัสดีค่าา ^0^
โพสต์ที่แล้วพูดเรื่องการทำงานกับเจ้านายที่เป็นคนญี่ปุ่นกันไป แล้วมีหัวข้อเรื่องคำทักทายด้วยแต่ยังไม่ได้ลงรายละเอียดให้เนอะ โพสต์นี้ก็ขอมาลงรายละเอียดให้เลยแล้วกันนน

3 ประโยคสุดฮิตติดชาร์ตตต!!

ขอเสนอ 3 ประโยคสุดฮิต พูดกันทั้งบ้านทั้งเมือง เจอใครก็พูดได้ บนถนน ในน้ำ ใต้ดิน หรือที่แห่งใดบนโลก ถ้าเป็นคนญี่ปุ่นล่ะก็ใช้ได้แน่นอน!

ประโยคทั้ง 3 ที่ว่าคือการกล่าวสวัสดีนั่นเอง ^^

3 ประโยคนี้ความหมายเหมือนกัน แต่ใช้กับเวลาต่างกันค่ะ เหมือนภาษาอังกฤษเล้ย

เริ่มจาก
"おはよう ございます"  - ohayou gozaimasu
อันดับ 1 ยอดฮิตในบริษัทญี่ปุ่นทั่วโลก พิสูจน์แล้วตอนไปดูงานบริษัทสาขาที่เวียดนาม 5555
แปลว่า อรุณสวัสดิ์ นั่นเองค่ะ ใช้ทักทายตอนเช้านะคะ เหมือน Good morning แหละ

Tips: ภาษาญี่ปุ่นก็เหมือนภาษาอื่นทั่วโลก มีการย่อคำเหมือนกันค่ะ เพราะฉะนั้นถ้าคนสนิทกัน ก็อาจจะทักทายโดยย่อคำให้สั้นลงได้นะคะ

ยกตัวอย่างเช่น おはよう ございます ก็อาจย่อให้เหลือเป็น おはよう ก็ได้ค่ะ

"こんにちは" - konnichiwa

คำนี้หลายคนน่าจะเคยได้ยินกันบ่อยๆเนอะ เป็นคำทักทายว่าสวัสดีเหมือนกัน แต่ใช้ตอนกลางวันค่ะ

"こんばんは" - konbanwa
คำนี้ใช้สวัสดีตอนเย็นๆ ค่ำๆ ค่ะ อาจจะได้ยินไม่ค่อยบ่อยมาก ส่วนใหญ่เราน่าจะเจอ こんにちは มากกว่าเนอะ

Tips: ทั้ง こんにちは และ こんばんはจะเห็นได้ว่า ตัวฮิรางานะตัวสุดท้ายคือตัว ha (は) แต่อ่านออกเสียงเป็น wa นะคะ


เพียงแค่มี 3 ประโยคนี้ อย่างน้อย 1 วัน เราก็ถือว่าได้พูดภาษาญี่ปุ่นเนอะ 555

บ้ายบายเจ้านายแบบญี่ปุ่น

ปิดท้ายด้วยการบ้ายบายเจ้านายแบบโปรเฟสเค้าทำกัน (เหรอ?)
ถือเป็นมารยาทอย่างหนึ่งในที่ทำงานที่ญี่ปุ่น เมื่อทำงานเสร็จแล้วจะมีการกล่าวลากัน ถ้าเปรียบเป็นเมืองไทยก็อารมณ์ "กลับก่อนนะ สวัสดีค่ะ" ที่ญี่ปุ่นเค้าก็มีเหมือนกันนะ พูดยาวกว่าของเราด้วย5555

ประโยคที่ว่านั่นก็คือ "おつかれさまでした" - otsukaresamadeshita
เป็นประโยคที่ใช้พูดหลังเลิกงาน/เลิกประชุม/เวลาที่ทำอะไรด้วยกันเสร็จสมบูรณ์ ก็จะพูดประโยคนี้กันค่ะ

Tips: กรณีที่เราเป็นฝ่ายกลับก่อน อาจพูดประโยค "おさきに しつれいします" ซึ่งมีความหมายประมาณว่า ขอตัวก่อนนะคะ แล้วค่อยตามด้วย おつかれさまでした ก็ได้ค่ะ

เป็นยังไงบ้างเอ่ย กับประโยคที่ใช้บ่อยในที่ทำงาน ไม่ยากเกินความสามารถแน่นอนน
ลองเอาไปใช้กันดูนะคะะ ^^

เจอกันใหม่โพสต์หน้าค่าา 

วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เคล็ด(ไม่)ลับกับเจ้านายสัญชาติญี่ปุ่น(1)


สวัสดีค่า ขอบคุณที่ติดตามบล็อกน้อยๆของเก๊ากันนะ T^T
หายไปนานหลายปีแสงมากก (เดือนกว่าๆ >。<) พยายามหาหัวข้อจะมาพิมพ์ แต่ยุ่งมากชิงๆนะตะเองง เอาล่ะ วันนี้ฤกษ์งานยามดี มีเรื่องเขียนแย้วว

เขียนโพสต์นี้ได้นี่ต้องอาศัยการสั่งสมวิทยายุทธมานานมาก 555 เนื่องจากทำงานในบริษัทญี่ปุ่นที่หนึ่งซึ่งทำให้เรามีโอกาสติดต่อกับคนญี่ปุ่นหลายคน ก็เลยอยากจะมาแชร์วิธีการทำงานให้ถูกจริตคนญี่ปุ่นกันค่ะ

เรื่องแรกที่สำคัญที่สุดเลยคือ เวลา ค่ะ
อย่างที่เราชาวไทยทราบกันดีว่าญี่ปุ่นเป็นชาติที่ตรงต่อเวลามากถึงมากที่สุด (ซึ่งตรงข้ามกับชาติเราโดยสิ้นเชิง -.-) เพราะฉะนั้นการทำงานกับคนชาตินี้ก็แน่นอนค่ะ เรื่องเวลาสำคัญมากๆ

แต่ใช่ว่ามาทำงานตรงเวลาก็พอแล้ว โอเค นั่นอาจไม่ทำให้นายโมโห แต่ไม่ได้ทำให้เกิดฟีลลิ่งประทับใจมากมายอะไรนะ!จะให้นายปลื้มเนี่ยก็ต้องมาก่อนเวลาค่ะ

นอกจากเข้าก่อนแล้ว ตอนพักเที่ยงก็เช่นกัล เที่ยงปุ้บถึงเริ่มเก็บของนะคะ ไม่ใช่เที่ยงปุ้บ ผีนักวิ่ง4*100เมตรสิง ลุกจากเก้าอี้แล้ววิ่งปุ้ดดไปหาอะไรกินในทันที

พอเที่ยง ก็ค่อยวางมือจากงาน ปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ ละเมียดละไมเก็บของ หยิบกระเป๋าสตางค์ แล้วเดินนวยนาดออกจากบริษัทไปทานข้าว ตอนเย็นก็เช่นเดียวกันค่ะ ห้าโมงปุ้บถึงค่อยเก็บของ ทำความสะอาดโต้ะ ปิดคอมฯให้เรียบร้อย ค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าแล้วเดินแบบชมพู่บนพรมแดงเทศกาลหนังเมืองคานส์ออกไป

ในความรู้สึกคนญี่ปุ่นจะรู้สึกว่าเราเป็นพนักงานที่ทุ่มเทค่ะ ไม่เอาเปรียบบริษัท คือจ้างมาทำงาน 8 ชั่วโมง คนญี่ปุ่นเค้าจะทำงาน 8 ชั่วโมงจริงๆ จาก 8โมงเช้าถึงเที่ยงเป็นเวลางาน จะไม่มีอย่างอื่นเข้ามาแทรก จากบ่ายโมงถึง 5โมงเย็น ก็เวลางาน จะทำงานจนถึงเวลาที่เข็มวินาทีชี้ไปที่เวลาพักหรือเลิกแล้วเท่านั้น ถึงจะหยุดทำแล้วเริ่มเก็บของ

ส่วนคนไทยจะเป็นอารมณ์ เลิก 5 โมงชิมิ เคๆ ชั้นเก็บของก่อน ตอน 4.50 น. (หรือหนักกว่านั้นคือ 4.30 น. หรือ 4 โมงเลยก็มี!)

สำหรับคนญี่ปุ่น ถ้าใครออกตอน 5 โมงเป้ะเนี่ย เค้าจะคิดเลยว่า เราเก็บของเลิกงานเองตั้งแต่ก่อน 5 โมงแล้วแน่ๆ เพราะฉะนั้นจะให้นายปลื้มก็ต้องทำแบบนายค่ะ

เอาจริงๆ คนญี่ปุ่นที่เป็นเจ้านายเราเนี่ย มาเร็ว กลับช้ากันทุกคนเลยนะ เค้าทุ่มเทกันจิงจิ้งง ไม่รู้ทุ่มอะไรนัก 555 เราเองก็เป็นคนไทยค่ะ ถึงจะทุ่มเทแต่ก็ยังไม่ขนาดนั้น ก็ทึ่งพวกเขาเหมือนกันนะ เห็นงี้แล้วเกทว่าทำไมประเทศเค้าเจริญ -.- (แต่เครียดไปหน่อยนะ)

(ชอบโฆษณานี้มาก ฮา 5555)


เรื่องต่อไปคือ การทักทาย ค่ะ
รู้ๆกันทั่วว่าคนญี่ปุ่นชาตินิยมม้ากมากก ลองพูดภาษาญี่ปุ่นให้ฟังนะ ต่อให้มันจะเป็นคำธรรมด้าธรรมดาขนาดไหน คนญี่ปุ่นก็จะประทับใจและมักจะตามด้วยประโยค "โอ้ คุณพูดญี่ปุ่นได้เหรอ เก่งจังเลยนะ" อะไรประมาณนี้ (คือจะดูเท่มากตอนนั้น จะรู้สึกเหมือนมีออร่ารอบตัวและกำลังเปล่งแสงออกมาสาดส่อง: จริงๆคือเค้าชมตามมารยาท 5555)

เพราะฉะนั้นเราจะซี้กับนายได้ พูดภาษาเค้าได้นี่เวิคสุด แต่ถ้าพูดไม่ได้ทั้งหมด เอาแค่พื้นฐานก็สามารถสร้างความประทับใจได้แล้วค่า

ถ้าใครเรียนภาษาญี่ปุ่นจะรู้เลยว่า คนญี่ปุ่นมีมารยาทมาก (ถึงมากที่สุด ซึ่งงต่างจากเดี้ยนโดยสิ้นเชิง) การทักทายเลยมีสถานการณ์ที่ต้องใช้เยอะกว่าภาษาไทยค่ะ ของเราแค่ สวัสดี ก็จบละ แล้วก็ กลับก่อนนะคะ อะไรแบบนี้

จี้ปุ่งเนี่ย เค้าทักทายสวัสดีกัน เช้า-บ่าย-เย็น (เจอตอนไหนก็ทักตอนนั้นนะคะ ไม่ใช่เจอวันละ 3 เวลา ก็ทักมันทุกแบบ นายงงแน่ๆ 5555) แล้วก็ยังมี ก่อนกลับ ต้องทักทายว่าขอตัวก่อน วันนี้เหนื่อยหน่อยนะ คะประมาณนี้

ถ้าทักได้ถูกกาลเทศะล่ะก็ นายจะปลื้มมากทีเดียววววว

แต่ประโยคแรกที่เราพูด 90% ของคนญี่ปุ่นจะหยุดนิ่ง อึ้งไป 3 วิ แล้วก็พูดว่า "โอ้ คุณพูดภาษาญี่ปุ่นได้เหรอ" ล่ะ ไม่เชื่อก็ลองไปทำดูนะ แล้วมาบอกด้วยว่าเป็นรึปาว 5555

เรื่องคำทักทายขอยกไปเขียนโพสหน้านะคะ ^0^ (จริงๆ คือเดี๋ยวไม่มีรัยจะเขียน 5555555)

เรื่องที่ 3 ได้แก่ คำตอบรับ ค่ะ
เรารู้จักคำว่า はい กันดี แล้วชาวสยามเราก็ชอบที่จะ ไฮ้ๆๆๆๆ เมื่อเจอญี่ปุ่นกันเนอะ 555

แล้วไอ่คำว่า はい เนี่ยมันแปลว่าอะไร ทำไมใช้กันเยอะ?

คำว่า  はい เนี่ยมีความหมายเหมือน ใช่ค่ะ หรือ ค่ะ

แต่!!เวลาเจ้านายอธิบาย หรือ สั่งงาน ลองสังเกตดูว่า คนไทยจะ ไฮ้ๆๆๆ ใส่นายกัน แล้วบางทีเค้าก็หงุดหงิดเราโดยมิทราบสาเหตุ (หนูผิดรัยคะบอส T^T) จนลูกน้องงงไปตามๆกัน สาเหตุเพราะเราไม่ตอบรับเค้าค่ะ

บางคนบอกว่า เอ้า ก็ตอบ ไฮ้ ไปแล้วไงงง

ปะเด็นคือ มันไม่เต็มประโยคค่ะ คนญี่ปุ่นเนี่ยถ้าเค้าคุยกัน จะมีการตอบรับกันเสมอ เช่น
"จริงเหรอคะ"
"อย่างนั้นเองเหรอคะ"
"เป็นอย่างนั้นจริงๆด้วยสินะคะ" อะไรประมาณนี้

เพราะฉะนั้น เวลานายบรีฟงาน หรือสั่งงานอะไร เราควรต้องตอบเค้าไปว่า "ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ" ไม่ใช่แค่ ค่ะ อย่างเดียวน้า คนญี่ปุ่นเค้าจะรู้สึกว่า เราพูดว่า ค่ะๆๆๆๆ แล้วค่ะอะไรฟระะะ!เลยทำให้โมโหขึ้นมา นายบางคนอาจถามต่อเองด้วยภาษาไทยเลยว่า "เข้าใจไหม" (เคยโดนกันมาแล้วล่ะสิ มีทุวนะ -.-)

ประโยคไว้ตอบรับนายในสถานการ์ณอย่างนี้คือ "はい、わかりました" (hai, wakarimashita) ค่ะ

ลองเอาไปใช้กันดูนะคะ รับรองนายจะยิ้มแป้นนนน :>

โพสต์นี้ก็ของจบแค่นี้ก่อนน้า ไว้มาต่อภาค 2 ใหม่เนอะะะ
ขอบคุณที่ติดตามบลอคนี้กันค่าาาา
บ้ายบายย バイバ~イ

วันจันทร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2558

Let's meet KATAKANA

สวัสดีค่าาา วันนี้ถึงโพสต์ที่จะมาแนะนำให้ทุกคนรู้จักับตัว katakana กันแล้วเนอะ

แต่ก่อนอื่น‼

มาทบทวนตัวอักษรที่เราเคยพบปะสังสรร กันไปก่อนหน้านี้ก่อน
แถ่นแท้นนน มาในรูปแบบตารางน่ารักค่ะ 5555

เริ่มจาก ひらがな ค่าา


ต่อด้วย อักษรเสียงขุ่น แอนด์ กึ่งขุ่น



แอนด์ดึ พวกคำควบกลํ้าค่าา

สะพรึงกันไปมั้ยล่ะทั่นผู้ชวมมมม
ปอลิง:ตัวอย่างคำศัพท์ที่มากับตารางทั้งหมดนี้เนี่ย บางคำมันใช้ katakana นะคะ แต่เค้ายกเอามาเป็นตัวอย่างเพื่อให้เข้าใจการอ่านเฉยๆ น้าา

มาสะพรึงกันต่อกับ katakana เล้ยยยย

ตัวอักษร katakana เนี่ย เค้าใช้เขียนคำศัพท์ที่เป็นภาษาต่างประเทศ, คำเลียนเสียง, คำแสดงท่าทาง, คำที่ต้องการเน้นค่ะ

พวกชื่อคนในภาษาต่างประเทศ ชื่อสถานที่อะไรอย่างนี้เค้าก็ใช้ katakana กันค่ะ
ลองไปดูพวกรายการนำเที่ยวของญี่ปุ่นเนี่ย เวลาผู้ดำเนินรายการเค้าพาไปชมนุ่นนี่นั่นที่มันตื่นตาตื่นใจ คนญี่ปุ่นเค้าจะมีคำอุทานแบบ สุดยอด หรืออะไรแบบนี้ใช่มั้ยคะ ทีนี้ เวลาอุทาน นอกจากหน้าต้องไปแบบสุดทิงแล้ว หน้าจอมันจะมีคำอุทานขึ้นด้วย พร้อมเครื่องหมายอัศเจรีย์แบบที่คนไทยใช้ทั้งชีวิตก็ไม่เยอะขนาดนั้น 5555 คือเค้าทำเพื่อให้รู้สึกถึงความว้าว!!!ที่รายการต้องการสื่อค่ะ ไอ่คำพวกนี้นี่แหละ ที่เค้าจะใช้ตัวkatakana มาเพื่อสื่อถึงอารมณ์ว้าวของเค้า หรือจะเป็นใน manga ต่างๆ พวกเสียงแสดงท่าทาง อย่างเวลามีระเบิด ตู้ม รัยงี้ เค้าก็จะใช้ katakana เพื่อบรรยายค่ะ เช่นน


ภาพนี้เป็นภาพแฟนของเราเอง 555555555555 คนบนนะ คนบนนนนน ไม่ใช่คนล่างง

ขอกรี๊ดแพพ ทำไมหล่ออย่างเน้ อั้คคคคคคค(เสียงอั้คจะเขียนด้วยตัว katakana เห็นมั้ย บ้าการ์ตูนก็โยงเข้าวิชาการได้ 5555)

ตัวอักษรในภาพนี้เป็น katakana หมดเลยค่าา

ก่อนไปหัวข้ออื่น ...

เยิฟยูววววว เป็นยังไงก็เยิฟยุวววว

โอเคพอ ผ่านไปทอปปิคอื่นได้ 555








เสียงของ katakana เนี่ยเหมือนกับเสียงของ ひらがな เล้ยย แค่รูปร่างมันไม่เหมือนกันค่ะ อารมณ์พ้องเสียงค่ะ ลักษณะมันจะเหลี่ยมๆ ไม่เหมือน ひらがな

เนื่องจากโพสต์ ひらがな พูดถึงเส้นและรายละเอียดต่าง ๆ ไปเยอะแล้ว ของ  katakana ขอไม่ลงลึกนะคะ ขอโชว์แค่วิธีเขียน

อาวร่ะะะะ ไปดูกันเลยดีฟร่าาาา

วรรค A



A











I











U











E











O










ไม่มีรัยมากนะคะ สำหรับวรรคแรก มาต่อวรรค KA กันเลยดีกว่า

วรรค KA



KA

ตัวนี้คล้ายๆ KA ของ ひらがな เลยว่ามะคะ แค่เหลี่ยมกว่าแล้วก็ไม่มีขีด(3) เพราะฉะนั้นเวลาเขียนตัว KA ของ ひらがな ต้องมนๆหน่อยนะคะ แล้วก็อย่าลืมขีด(3) ล่วยเน้อ

>>> か :ひらがな




KI

ตัวนี้ก็มีส่วนคลับคล้ายคลับคลากับตัว KI ของ ひらがな เช่นกันน้า
แค่ไม่มีตูดโค้งข้างล่าง







KU











KE

จะไปคล้ายตัว KU ข้างบนหน่อยนึง จุดต่างอยู่ที่ เส้น(2)ของตัว KE เริ่มขีดตำแหน่งบริเวณกลางเส้น(1)เลยย แล้วเส้น(3)ก็ลากต่อ บริเวณกลางเส้น(2)






KO

หันด้านให้ถูกนะก๊าบบบ








วรรค SA



SA

มันคล้ายๆตัว SE ของ ひらがな เหมือนกันนะ สลับด้านกัน55








SHI

ตัวนี้วิธีจำคือระนาบการเขียนค่ะ ทั้ง 3 เส้น อิงระนาบแนวตั้ง ลองมองดีๆจะเห็นว่าทั้ง 3 เส้น มองตามแนวนอนแล้ว เริ่มจากเส้นแนวตั้งเส้นเดียวกันเลยยย






SU










SE










SO

ตัวนี้ระนาบของทั้ง 2 เส้นจะเป็นแนวนอน ลองดูนะคะ ว่ามันเริ่มจากเส้นแนวนอนเส้นเดียวกัน







วรรค TA


TA

ตัวนี้คล้ายคัว ク (KU) แต่มีเส้น(3)เพิ่มมาค่ะ








CHI

เส้น(1) กับ (2) ยาวไม่เท่ากันนะคะ เส้น(3) ปลายจะโค้งหน่อยๆด้วย







TSU

ตัวนี้คล้าย シ (SHI) มั้ยล่าาาา แต่ตัวนี้ระนาบจะเป็นเหมือนตัว ソ ค่ะ
คือระนาบแนวนอนน้า ทั้ง 3 เส้นจะเริ่มอิงได้จากเส้นแนวนอนเดียวกันเล้ย






TE

ตัวนี้กับตัว チ คล้ายๆกันเนอะ แต่เส้น(3)ของตัวนี้ไม่ลากเลยเส้น(2)ไปนะคะ







TO











วรรค NA


NA

เส้น(1) ลากให้ยาวเลยน้า
เส้น(2) ปลายโค้งเล็กน้อย







NI










NU










NE










NO

ขีดเดียว สั้นๆแต่ได้ใจความนะฮะะ 55









วรรค HA


HA










HI

เส้น(1)กับ(2) ติดกันน้าาา







FU










HE

แทบจะเป็นแฝดกับ HE ของ ひらがな เล้ยย
ต่างตรงไหน? แค่เหลี่ยมที่มากกว่าค่ะ
へ & ヘ
ลองพิมพ์ดู ไม่ต่างกันเท่าไหร่เล้ย -*- 55
เอาเป็นว่าเขียนคล้ายกันมากๆละกันค่า




HO











วรรค MA


MA

ขีด(2) ไม่ต้องยาวมากนะคะ สั้นๆพอ








MI

เขียนให้ทั้ง 3 เส้นอยู่ระนาบแนวตั้งเดียวกันน้า








MU

อย่าสับสนตัวนี้กับตัว MA นะคะ ต้องจำดีๆค่ะ







ME

ตั้งแต่แรกเห็นละ นึกถึงดาบเลย 555








MO

ตัวนี้คล้ายๆ も (MO) ของ ひらがな แต่เส้น(2) ยาวกว่าเส้น(1)ค่ะ
เส้น(3)ลากไม่เกินเส้น(2)นะคะ







วรรค YA


YA

คล้าย や ของ ひらがな อีกแร้นน แต่เหลี่ยมกว่าแล้วก็มีแค่ 2 เส้นค่ะ








YU

เส้น(2)ลากยาวหน่อยนะคะ จะไม่เท่ากับเส้น(1)







YO

เหมือนตัวอีพิมพ์ใหญ่เขียนกลับด้านเลยเนอะ









วรรค RA


RA

เส้น(1) สั้นนะคะ








RI

ต่างจาก り ของ ひらがな ตรงที่ ของ ひらがなเส้น(1)จะเป็นเส้นตวัดค่ะ ส่วนของ katakana จะเป็นเส้นตรงลงมาเลย






RU










RE

คล้ายๆ ตัวบนเนอะ แต่ไม่มีเส้นฝั่งซ้ายเท่านั้นค่ะ







RO

สี่เหลี่ยมดีๆนี่เอง แต่ว่ามันไม่เหลี่ยมแบบตรงๆนะคะ ลองดูดีๆ มันจะเอียงเล็กน้อยค่ะ








วรรค WA


WA

คล้ายๆตัว U ของ katakana ต่างที่ตัวนี้ไม่มีขีดข้างบนค่ะ
>>> ウ นี่ตัว U






WO / O











ตัว ん


NN / -N

ตัวนี้คล้ายตัว シ (SHI) ที่ระนาบการเขียน เป็นเว้นแนวตั้งเหมือนกัน แต่ต่างที่มีเส้นสั้นๆแค่เส้นเดียว ส่วนตัว シมี 2 เส้น

อีกตัวที่คล้ายคือตัว ソ คือมีเส้นสั้นเส้นเดียวเหมือนกัน แต่เขียนคนละระนาบค่ะ ตัว ソ จะเขียนโดยอิงระนาบแนวนอน ส่วนตัวนี้เขียนอิงระนาบแนวตั้งค่า



เย่ หมดแย้ววว รู้จัก katakana ทั้งหมดแล้ว อ่านคำนี้ได้มั้ยเอ่ย
カタカナ >>>>>>> ง่ายมั่กก อ่านว่า katakana นั่นเองค่า

รู้จักอักษรแล้วมาดูฟังก์ชั่นการใช้งานกันบ้างดีกว่าาา

เสียงยาว

ในการเขียนเสียงยาวเนี่ย สำหรับ ひらがな เราใช้เสียงสระไปต่อใช่มั้ยคะ ส่วน カタカナ เนี่ยเค้ามีตัวช่วยง่ายๆเลยเวลาจะลากเสียงยาว ซึ่งก็คืออออออ

เจ้าขีดยาวแบบนี้นี่เองงงงงงง
เพียงคุณนำมันไปเติมหลังอักษรที่ต้องการให้เสียงยาวขึ้น มันก็จะสามารถอ่านเสียงยาวได้ทันที้!!
สุดยอดไปเลยซาร่าาาาาาาา โทรด่วนนน 1900-1900-XX

....มุกแป้กง่ะ T^T....

มาดูตัวอย่างคำกันดีกว่าค่ะ
コ-ヒ- = koที่เสียงยาว+hiที่เสียงยาว =kouhii   แปลว่า กาแฟ นั่นเองค่า เอามาจากภาษาอังกฤษก็คือ coffee นั่นแหละ ไม่คล้ายเนอะ -*- 555


ตัว ン (ん)

หลักการอ่านไม่เหมือน ひらがな นะคะ ก็เอาเป็นว่าอ่านเสียงให้มันคล้ายภาษานั้นๆมากที่สุด เพราะถ้าใช้ カタカナ ก็แสดงว่าไม่ใช่ภาษาญี่ปุ่นดั้งเดิม เป็นภาษาญี่ปุ่นที่เอามาจากคำต่างชาติอ่ะเนอะ เพราะฉะนั้นก็เลียนแบบให้คล้ายที่สุดละกันค่า แต่อย่าเลียนจนไม่เหลือเค้าเจแปนนีสนะคะ อย่างกาแฟ ไปพูด คอฟฟี่ เค้าก็ไม่เข้าใจนะคะ 555 อันนี้พูดจริงๆ

เรามีลูกพี่ลูกน้องเป็นลูกครึ่ง วันนั้นเปิดตู้เย็นบ้านเค้า แล้วถามว่า butter ไปไหน ด้วยเอคเซ้นทืประหนึ่งเกิดแถบยุโรป ชีงง และถามเรากลับว่า ห้ะ อะไรนะ หาอะไร เราพูดอีกว่า  butter อ่ะ butterrrrr พี่เราบอกว่า(ภาษาไทย)ไม่รู้สิไม่แน่ใจ อาจจะไม่มี แล้วก็เดินมาหาเราที่อยู่ห้องครัว แล้วถามต่อว่า อ่าวทำไมมาหาในตู้เย็นอ่ะ ทีนี้เราเลยงง 55 พี่เราเลยถามว่า จะเอาอะไรนะอีกรอบ เลยพูดไทยเลย เนยค่ะ เนยยยยยย จะแดกกับหนมปัง (จริงๆพุดว่ากิน55555 กับพี่เราพูดเพราะะ) พี่เราอ่อเลย อ่อ バタ-น่ะเหรอ มีอยู่ในตู้เย็นฝั่งนี้ แล้วก็เดินมาหยิบให้เรา อ่านคะตะคะนะข้างบนได้มั้ยเอ่ยย ที่ญี่ปุ่นเค้าไม่รู้จัก บัตเตอร์ นะคะ เค้ารู้จักแต่ บะทาา (bataa) ค่าาา

งุงิงุงิ สับสนเนอะ 55 เราเองไม่ค่อยเก่งคำอังกฤษที่พูดแบบญี่ปุ่นเท่าไหร่ เพราะเรารู้ไงว่าอังกิดอ่านว่างัยเราก็จะติดอ่านแบบอังกิด เช่นนน

taxi
ที่ญี่ปุ่นพูดว่า taxi (แทกซี่) ไม่ด้ายย มันมะจ้ายญี่ปุ่นแท้ อีคนต่างชาติ 555 ต้องพูดว่า タクシー (takushii / ทะคุชี) ค่ะ

ปอลิงอิงอิง :ไม่เชิงว่าพูดแล้วเค้าจะไม่เข้าใจนะคะ บางคำเต้สก็เข้าใจเลย แต่จะงงๆเล็กน้อย แต่เมื่อเราจะพูดภาษาเค้า เราก็พูดให้ถูกต้องเลยดีกว่าเนอะะ

และเนื่องจากเป็นภาษาที่เลียนแบบภาษาต่างประเทศ มีบางเสียงที่ไม่มีในภาษาญี่ปุ่น แต่นำเสียงมาผสมๆมิกซ์ๆกันให้คล้ายเสียงต่างประเทศมากที่สุด ดังนี้ฮ้าบบบ

ファ = FA
ウィ = WI
スィ = SI
ティ = TI
ディ = DI
フィ = FI
トゥ = TU
ドゥ = DU
ウェ = WE
シェ = SHE
チェ = CHE
ジェ = JE
フェ = FE
ウォ = WO
フォ = FO

เสียงในภาษาไทย
เสียงในภาษาไทยเนี่ย ถ้าลงท้ายด้วยแม่กก จะแทนในภาษาญี่ปุ้นด้วย ク ค่ะ
เช่น กรุงเทพ (bangkok) = バンコク ค่ะ
ลงท้ายด้วยแม่กด แทนในภาษาญึ่ปุ่นด้วย ト เช่น ภูเก็ต = プーケット
ลงท้ายด้วยแม่กบ แทนในภาษาญี่ปุ่นด้วย ブ เช่น กบ (ที่เป็นชื่อคน) = コブ เป็นต้นค่า

เย่ รู้จักอักษรทั้งสองแบบแล้วนะคะ ทั้ง ひらがな และ カタカナ การที่เราจะสามารถอ่านให้คล่องได้เราต้องจำได้ขนาดที่มองอักษรแล้วออกมาเป็นคำเลยนะคะถึงจะถือว่าคล่องจริง อีนี่นายจ๋าก็ยังไม่คล่องเลย ต้องจ้องไปแล้วอ่านทีละตัวต่อๆกันเป็นคำก่อน มองปราดเดียวอ่านไม่ได้ T^T การฝึกเขียนจะทำให้เราจำอักษรได้ค่ะ แต่จะอ่านให้คล่องเราก็ต้องฝึกอ่านบ่อยๆนะคะ สู้ๆค่าทุกคนน

วันนี้ขอจบโพสต์เท่านี้นะคะ ไว้เจอกันใหม่โพสต์หน้าค่าา
ตั้งแต่โพสต์หน้าจะเริ่มบนเรียนที่ 1จากหนังสือ minna no nihongo กันนะคะ บ้ายบายค่าาา